การทำพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง กำลังเป็นที่นิยมของคนยุคใหม่ เรียบสวยในสไตล์โมเดิร์น มีลวดลายสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติแท้ๆ คอนกรีตแสตมป์ลำปาง สวยงามและคงทน รับน้ำหนักได้ดี ง่ายต่อการทำความสะอาดและบำรุงรักษา ช่วยให้พื้นที่บ้านพักอาศัย ลานอาคารสำนักงาน พื้นที่พักผ่อนโรงแรม สวยงาม สะอาดตา ผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง หัวใจของการทำพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง การเลือกใช้วัสดุทุกชิ้นที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เพราะการเลือกใช้วัสดุเกรดต่ำ อย่างเช่นสกลนคร พวกสีผสม ถึงจะดูสวยงามในระยะแรกๆ แต่อาจดูซีดจางได้อย่างรวดเร็วในอนาคต อีกทั้งการเลือกบริษัทผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์เป็นมืออาชีพที่สำคัญต้องจริงใจ ควบคู่กันไปด้วย
ช่างปูพื้นพิมพ์ลายลำปาง
รับทำคอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง
กระเบื้องพิมพ์ลายลำปาง
กระเบื้องลายคอนกรีตแสตมป์ลำปาง
กระเบื้องคอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง
พื้นแสตมป์คอนกรีต ลำปาง
คอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง
พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายลำปาง
แบบพิมพ์ลายคอนกรีตลำปาง
พิมลายคอนกรีตลำปาง
คอนกรีตพิมพ์ลายสวย ๆลำปาง



ทำไมต้องใช้คอนกรีตพิมพ์ลาย?
- ราคาถูกกว่าหินธรรมชาติ- ดีไซน์และสีสันที่หลากหลาย- ความปลอดภัย เพราะผิวสัมผัสไม่ลื่น เหมาะกับงาน Indoor และ Outdoor- หมดปัญหาพื้นไม่ได้ระดับ ทรุด เอียงของบล็อกปูถนน- พื้นผิวแข็งแรงและทนแรงกระแทกกว่าหลายเท่า- ดูแลรักษาง่าย ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุง และอายุการใช้งานนานกว่า- เป็นเนื้อเดียวกัน ทำความสะอาดง่าย- หมดปัญหา คราบสกปรก ตะไคร่ขึ้นตามรอยยาแนว- หมดปัญหา หญ้าขึ้นตามร่อง เมื่อเวลาผ่านไป- ด้วยความพิเศษของสี ให้ความรู้สึกใกล้เคียงสีธรรมชาติมากที่สุด
คอนกรีตพิมพ์ลาย คืออะไร?stamped concrete หรือ pattern imprinted concreteซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเคลือบสีและพิมพ์ลายบนผิวคอนกรีต ที่นิยมใช้ในต่างประเทศมากว่า 50 ปี โดยภายหลังเรียกสั้นๆว่า stamped ด้วยความสวยงามของลายพื้นและความคงทน แข็งแกร่ง เหมาะสำหรับงานสถาปัตยกรรมหลายหลายรูปแบบ ชื่อพื้นชนิดนี้เป็นภาษาไทยว่า“พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย” เป็นนวัตกรรม ที่มีลวดลายสีสัน ทำเลียนแบบให้ใกล้เคียงดุจหินธรรมชาติ โดดเด่นด้วยความงาม แข็งแกร่ง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ไม่ดูดซึมน้ำ ป้องกันการเกิด เชื้อราตะไคร่น้ำ ป้องกันการทรุดตัวของพื้น และการแตกร้าว ง่ายต่อการทำความสะอาดดูแตกต่างจากพื้นทั่วไป พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ งานพื้นนอกอาคาร ถนน ทางเดินฟุตบาท ลานจอดรถ ทางเดินในสวน ลานกว้าง ลานอเนกประสงค์ ระเบียง ในรีสอร์ทหรือโรงแรมสะพานลานรอบสระว่ายน้ำ


พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย หรือนิยมเรียกกันว่า Stamped Concrete คือ การใช้เทคโนโลยีแม่พิมพ์ พิมพ์ลายลงผิวหน้าคอนกรีต ก่อนที่คอนกรีตจะแข็งตัว ช่วยเพิ่มสีสัน และความแกร่งของพื้นผิวได้ดีกว่าคอนกรีตทั่วไป เหมาะกับนำมาใช้ร่วมกับพื้นทางเดินนอกบ้าน ลานจอดรถ ถนน และพื้นโรงจอดรถ
ข้อดี
- มีทางเลือกให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ลวดลาย และสี
- มีความแข็งแรงทนทาน กว่าพื้นคอนกรีตปกติ
- ทำความสะอาด และดูแลรักษาง่าย เนื่องจาก พื้นคอนกรีตพิมพ์ ลายเป็นพื้นแผ่นเดียวต่อกัน ไม่มีรอยต่อเหมือนกับการปูพื้นด้วยหิน ทำให้ไม่มีวัชพืชโตขึ้นมาระหว่างแผ่นปู ที่ต้องมากำจัดให้ยุ่งยาก
- ติดตั้งเร็วกว่า เนื่องจากเป็นพื้นแผ่นเดียว ไม่ต้องใช้เวลามากในการเรียงพื้นทีละแผ่นอย่างการปูพื้นหิน หรืออิฐ
ข้อเสีย
- อาจมีรอยแตกเกิดขึ้นได้ เนื่องจากพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายเป็นพื้นแผ่นเดียว จึงมีช่องว่างสำหรับการยืดหดตัวของคอนกรีตน้อย เมื่อคอนกรีตยืด หรือหดตัวมาก อาจทำให้คอนกรีตแตกได้
- หากมีการเคลือบผิว ต้องซ่อมแซมทุก ๆ 3-5 ปี
- ซ่อมแซมได้ยากกว่า ในกรณีของพื้นหิน หรืออิฐ การซ่อมแซม คือ การยกเปลี่ยนเฉพาะแผ่นหินหรืออิฐที่ชำรุด โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องเจาะแต่อย่างใด แต่ในกรณีของพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย เมื่อต้องการซ่อมแซม อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องเจาะ นอกจากนี้ การทำให้ส่วนของคอนกรีตใหม่ มีสีคล้ายกับของเดิม สามาถทำได้ยาก
- ยากต่อการติดตั้งด้วยตนเอง
- มีความลื่น เมื่อพื้นเปียก
คอนกรีตพิมพ์ลาย มีความเหมือนกับวัสดุที่ต้องการเลียนแบบสูง เนื่องจากแม่พิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ลายนั้น ถูกหล่อมาจากวัสดุจริง ๆ นอกจะมีลวดลายที่เหมือนวัสดุนั้น ๆ จริง ๆ ยังมีการทำสีโดยใช้ผงสีย้อมคอนกรีต และการทำสีลงบนพื้นผิวด้านบน เพื่อความเหมือนจริง และมีมิติอีกด้วย นอกจากนี้พื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย ยังคงความสวยได้นานกว่า เนื่องจากจะไม่มีวัชพืชโตขึ้นมาระหว่างรอยต่อ และหากพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายทำเลียนแบบลายไม้ จะไม่มีอาการไม้ผุอย่างไม้จริงแน่นอน
หากเทียบกับพื้นคอนกรีตเรียบที่เคลือบผิวเหมือนกัน พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายจะมีความลื่นน้อยกว่า เนื่องจากมีผิวขรุขระไม่เรียบ แต่เมื่อเปียกก็จะมีความลื่น เช่นเดียวกับหินธรรมชาติ ฉะนั้นหากต้องการใช้ในบริเวณที่มีการสันจรผ่านมาก หรือริมสระว่ายน้ำที่มีความเสี่ยงในการลื่นสูง สามารถลดความลื่นด้วยการเติมหรือทาสารกันลื่น หรือออกแบบลายให้มีความขรุขระมากขึ้น
- เตรียมโครงสร้างรับน้ำหนัก บริเวณพื้นที่ส่วนที่จะทำพื้นคอนกรีตพิมพ์ลาย ทั้งนี้จะต้องมีพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ความหนาไม่น้อยกว่า 10-15 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าต้องรับน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน
- จากนั้นเท ปูน (Morta) หรือเทปูนทราย ลงบนพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก และปาดหน้าปูนให้เรียบเพื่อให้ได้ระดับ
- ทิ้งไว้ให้คอนกรีตได้ระยะเวลาพอเหมาะ ทำการโรยสีเคลือบความแข็งแรง (Color Hardener) ตามเฉดสีที่เลือกให้ทั่วบริเวณพื้น และขัดสีจนสม่ำเสมอ
- หลังจากนั้นใช้แบบพิมพ์ยาง พิมพ์ลายลงบนพื้นผิว ขณะที่ปูนยังไม่แข็งตัวสนิท จนทั่วบริเวณพื้นคอนกรีต เพื่อให้พื้นมีลวดลายตามแบบที่ต้องการ
- เมื่อผิวคอนกรีตแข็งตัว ทำการตกแต่งสีให้มีมิติ และล้างทำความสะอาด และทิ้งไว้ให้แห้ง
- หลังจากนั้น จะทำการเคลือบน้ำยาอะคริลิค เพื่อเคลือบผิวทั้งหมด น้ำยาอะคริลิคจะเข้าไปอุดรูพรุนบนผิวคอนกรีต ทำให้ผิวไม่ซึมซับน้ำ ลดการดูดซับความสกปรกต่าง ๆ และง่ายต่อการทำความสะอาด เพิ่มความแข็งของผิวหน้า และป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสี UV) จากแสงแดด
การทำความสะอาดพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายนั้นเรียบง่ายมาก โดยการหมั่นกวาดและล้างพื้นอย่างเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและคราบสกปรก
- ล้างพื้นด้วยสายยางและหัวฉีดน้ำ
- ขัดพื้นด้วยน้ำยาล้างจาน โดยใช้แปรงขัดพื้น
- ล้างพื้นให้ฟองออกทั้งหมด ไม่ควรให้หัวฉีดน้ำแรงเกินไป มิฉะนั้นการเคลือบผิวอาจจะเสียหายได้
นอกจากการทำสะอาด ถ้าหากมีการเคลือบผิว ควรมีการเคลือบผิวใหม่ทุก ๆ 3-5 ปี เพื่อให้พื้นคอนกรีตพิมพ์ลายดูใหม่อยู่เสมอ สีไม่เฟด ทั้งนี้ความถี่ในการซ่อมแซมขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย หากเป็นพื้นที่มีการสันจรผ่านบ่อย ๆ โดนสารเคมีบ่อย ๆ หรืออยู่กลางแจ้ง ก็อาจจะต้องมีการซ่อมแซมบ่อยขึ้น
จะเห็นได้ว่า คอนกรีตพิมพ์ลายนั้น มีทั้งข้อดี – ข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้น ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกันด้วย เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน และความปลอดภัยของคนในบ้านนั่นเอง
การคมนาคมขนส่ง
ทางบก
ทศวรรษ 2500 ที่เริ่มมีการขยายตัวการของทางหลวง อันได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาโดยมีเหตุผลเรื่องความมั่นคงแฝงอยู่เบื้องหลังการเดินทางดังกล่าว ทำให้แต่ละจังหวัดถูกเชื่อมกันด้วยเส้นทางหลวง จากจังหวัดสู่จังหวัด และยังอาจรวมไปถึงจากจังหวัดไปสู่ตัวอำเภอต่าง ๆ อีกด้วย เส้นทางขึ้นเหนือ คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน จากกรุงเทพฯ สู่ จังหวัดเชียงราย
นอกจากนั้นยังมี “โครงการทางหลวงเอเชีย” ที่เป็นความร่วมมือของภูมิภาค เพื่อที่จะพัฒนาการเชื่อมโยง เมืองหลวง เมืองอุตสาหกรรม ท่าเรือ สถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งการค้าสำคัญด้วยกัน ประเทศที่เกี่ยวข้องได้แก่ กัมพูชา ไทย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ศรีลังกา ลาว อัฟกานิสถาน อินเดีย อินโดนีเซีย และอิหร่าน ความร่วมมือเกิดจาก คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจสำหรับเอเชีย และตะวันออกไกล (ECAFE ปัจจุบันคือ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก ESCAP) ในปี 2502 ต่อมาจีน พม่าและมองโกเลียได้ร่วมโครงการในปี 2531-2533 ทางหลวงเอเชียที่ผ่านประเทศไทยสายประธานที่เกี่ยวกับภาคเหนือมี 3 สายนั่นคือ
- สาย A-1 เริ่มจากเขตแดนพม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เลี้ยวไปบรรจบกับ ทางหลวงหมายเลข 1 ที่ตาก แล้วลงไปยังนครสวรรค์
- สาย A-2 เริ่มจากเขตแดนพม่า อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เข้าเชียงรายแล้วลงมาตามทางหลวงหมายเลข 1 ซึ่งผ่านจังหวัดลำปาง
- สาย A-3 เริ่มจากแยกสาย A-2 ที่เชียงราย ออกไปตามทางหลวงหมายเลข 1020 เพื่อเลี้ยวไปจดเขตแดนลาว ที่ อำเภอเชียงของ
ขณะที่ทางหลวงหมายเลขที่ 11 ที่เชื่อมลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่ ตัดผ่านในต้นทศวรรษ 2510
จังหวัดลำปางอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 600 กิโลเมตร จากเส้นทางสายเอเชีย (ถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์กำแพงเพชร ตาก เข้าสู่ลำปาง ถนนเป็นถนนสี่เส้นทางการจราจรตลอดทาง หรือใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แยกจากถนนพหลโยธิน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านพิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ เข้าสู่ลำปาง สิ้นสุดปลายทางที่เชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางรถส่วนตัวประมาณ 7-8 ชั่วโมง
การเดินทางภายในจังหวัด
การขนส่งมวลชนเพื่อเดินทางภายในจังหวัดมีรถให้บริการที่คนลำางเรียกกันว่า “รถสี่ล้อ” แบ่งเป็น 2 ประเภท
- รถสี่ล้อ (รถสองแถว) สีเหลือง-เขียว เส้นทางภายในตัวเมือง สังกัดสหกรณ์เดินรถนครลำปาง จำกัด
- รถสี่ล้อ (รถสองแถว) สีน้ำเงินและสีฟ้า เส้นทางระหว่างอำเภอ สังกัดสหกรณ์เดินรถนครลำปาง จำกัด
รถโดยสารประจำทางระหว่างต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
รถประจำทางจากกรุงเทพฯ-ลำปาง สามารถเดินทางได้จาก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) มีรถให้เลือกหลายบริษัทหลายระดับ ขณะที่การเดินทางออกจากลำปาง ใช้สถานีขนส่งจังหวัดลำปาง สังกัดเทศบานครลำปาง ณ ถนนจันทรสุรินทร์ ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง โดยรถประจำทางมีเส้นทางเดินรถดังนี้
สายกรุงเทพฯ
- สาย 1 กรุงเทพ-เชียงใหม่ (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บลูไนน์ (กรีนบัส)
- สาย 13 กรุงเทพ-ฝาง-บ้านท่าตอน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-เชียงใหม่-แม่ริม-ฝาง-แม่อาย-บ้านท่าตอน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. นิววิริยะยานยนต์ทัวร์
- สาย 18 กรุงเทพ-เชียงใหม่ (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. นครชัยแอร์ สมบัติทัวร์ บางกอกบัสไลน์ สยามเฟิร์สทัวร์ พรพิริยะทัวร์ วิริยะทัวร์ นิววิริยะยานยนต์ทัวร์ ศรีทะวงศ์ทัวร์ ลิกไนท์ทัวร์ เชิดชัยทัวร์ แอมบาสเดอร์ทัวร์ อินทราทัวร์
- สาย 90 กรุงเทพ-เชียงราย (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์ สมบัติทัวร์ บางกอกบัสไลน์ สยามเฟิร์สทัวร์ เชิดชัยทัวร์
- สาย 91 กรุงเทพ-ลำปาง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ สยามเฟิร์สทัวร์ พรพิริยะทัวร์ นิววิริยะยานยนต์ทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์ วิริยะทัวร์
- สาย 924 กรุงเทพ-ลำพูน (ก) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-ลำพูน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. เชิดชัยทัวร์
- สาย 964 กรุงเทพ-ดอยเต่า-จอมทอง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-เถิน-ลี้-ดอยเต่า-จอมทอง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
- สาย 9911 กรุงเทพ-ลำพูน (ข) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-เถิน-ลี้-ลำพูน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส.
สายภาคกลาง
- สาย 114 นครสวรรค์-เชียงใหม่ (นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์ม)
- สาย 155 พิษณุโลก-เชียงใหม่ (สายเก่า) (พิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-เถิน-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ ศรีทะวงค์ทัวร์
- สาย 132 พิษณุโลก-เชียงใหม่ (สายเก่า) (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-ทุ่งเสลี่ยม-เถิน-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
- สาย 623 พิษณุโลก-เชียงใหม่ (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
สายตะวันออก
- สาย 659 ระยอง-พัทยา-เชียงใหม่ (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (รถด่วนพิเศษ VIP) (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-นครสวรรค์-ตาก-ลำปาง-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
สายตะวันออกเฉียงเหนือ
- สาย 175 ขอนแก่น-เชียงใหม่ (สายเก่า) (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-สุโขทัย-ตาก-เถิน-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ ภูหลวงทรานสปอร์ต
- สาย 587 อุบลราชธานี-เชียงใหม่ (อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์-บัวใหญ่-ชัยภูมิ-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 633 ขอนแก่น-เชียงใหม่ (สายใหม่) (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
- สาย 635 นครราชสีมา-เชียงใหม่ (นครราชสีมา-สีคิ้ว-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์
- สาย 636 เชียงใหม่-อุดรธานี (อุดรธานี-หนองบัวลำภู-วังสะพุง-เลย-ภูเรือ-ด่านซ้าย-นครไทย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ จักรพงษ์ทัวร์ อ.ศึกษาทัวร์
- สาย 874 เชียงใหม่-ขอนแก่น-อุบลราชธานี (เชียงใหม่-ดอยติ-ลำปาง-เด่นชัย-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-หล่มสัก-ชุมแพ-ขอนแก่น-โกสุมพิสัย-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-เสลภูมิ-ยโสธร-คำเขื่อนแก้ว-เขื่องใน-อุบลราชธานี) บริษัท เพชรประสริฐ จำกัด
- สาย 876 เชียงใหม่-นครพนม (เชียงใหม่-ดอยติ-ลำปาง-เด่นชัย-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-เลย-หนองบัวลำภู-อุดรธานี-สว่างแดนดิน-พังโคน-สกลนคร-นครพนม) บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด
สายใต้
- สาย 779 ภูเก็ต-เชียงใหม่ (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-หัวหิน-ชะอำ-เพชรบุรี-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 871 เชียงใหม่-หัวหิน (เชียงใหม่-ลำปาง-ตาก-นครสวรรค์-ชัยนาท-อู่ทอง-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-หัวหิน) บริษัท สมบัติทัวร์ จำกัด
สายตะวันตก
- สาย 875 เชียงใหม่-กาญจนบุรี (เชียงใหม่-ลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร-นครสวรรค์-ชัยนาท-สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี) บริษัท ศศนันท์ ทรานสปอร์ต จำกัด
สายเหนือ
- สาย 144 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-ม.ราชภัฏลำปาง-แม่ทะ-แม่แขม-ลอง-แพร่) บริษัท นครลำปางเดินรถ จำกัด (รถตู้ปรับอากาศ)
- สาย 145 ลำปาง-เชียงใหม่ (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ห้างฉัตร-ลำปาง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 146 ลำปาง-เชียงราย (ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 147 เชียงใหม่-พาน (เชียงใหม่-ลำปาง-งาว-พะเยา-แม่ใจ-พาน) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 148 เชียงใหม่-ลำปาง-เชียงราย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 149 เชียงใหม่-ลำปาง-แม่สาย (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-แม่สาย) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 167 ลำปาง-เชียงราย (ลำปาง-แจ้ห่ม-วังเหนือ-เวียงป่าเป้า-แม่สรวย-เชียงราย) บริษัท นครลำปางเดินรถ จำกัด
- สาย 169-2 เชียงใหม่-น่าน-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 672 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-แม่จัน-เชียงราย-เวียงป่าเป้า-เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-เถิน-บ้านตาก-ตาก-แม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 673 แม่สาย-แม่สอด (แม่สาย-แม่จัน-เชียงราย-พะเยา-ม.พะเยา-อ.งาว-ลำปาง-อ.เถิน-อ.บ้านตาก-ตาก-แม่สอด) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 1661 เชียงใหม่-ลำปาง-เชียงราย-สามเหลี่ยมทองคำ (ข) (เชียงใหม่-ลำพูน-ดอยติ-ลำปาง-งาว-พะเยา-พาน-เชียงราย-แม่จัน-เชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส)
- สาย 1693 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-แม่แขม-เด่นชัย-สูงเม่น-แพร่) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด (กรีนบัส) (รถตู้ปรับอากาศ)
ทางรถไฟ
เริ่มมีการเดินรถไฟครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน 2459 ณ สถานีรถไฟนครลำปาง
สถานีรถไฟ
ศูนย์กลางอยู่ที่สถานีรถไฟนครลำปาง ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง สถานีรถไฟนครลำปาง เปิดใช้งาน 1 เมษายน 2459 รองรับ ขบวน รถรวม พิษณุโลก – ลำปาง และ อุตรดิตถ์ – ลำปาง ก่อนมีรถด่วน สายเหนือตรงจากกรุงเทพ ขึ้นมาทำขบวนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2465
พ.ศ. 2506 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดส่งหัวรถจักรไอน้ำมาแสดงไว้ที่สถานีรถไฟลำปาง และกำหนดให้สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นสถานีประวัติศาสตร์ และทำการอนุรักษ์ไว้ รูปแบบสถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟลำปางเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐฉาบปูน ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีปีก 2 ข้างเชื่อมกับโถงกลาง รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม มีการใช้โค้ง (arch) และการประดับตกแต่งด้วยไม้ฉลุ และปูนปั้น พื้นที่ของสถานีรถไฟนครลำปาง มีประมาณ 161 ไร่ มีตัวอาคารสถานี คลังสินค้า พื้นที่เก็บหัวรถจักรและตัวรถไฟ รวมถึงพื้นที่บ้านพักพนักงาน อาคารสถานีดังที่เห็นในปัจจุบันได้ผ่านการต่อเติมมาเป็นบางส่วน โดยเฉพาะช่วงก่อนปีพ.ศ. 2520 มีการต่อเติมส่วนควบคุมบริเวณปีกทางทิศใต้ ส่วนพักคอยด้านติดรางรถไฟ และ ซุ้มด้านหน้าที่จอดรถ จากนั้นมีการเปลี่ยนกระเบื้องหลังคา กระเบื้องพื้น และปรับปรุงพื้นชั้นล่างทั้งหมดในปี พ.ศ. 2538